การผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร
การผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร
นักศึกษาชาย ที่มีอายุ 20 ย่าง 21 ปี (นับปี พ.ศ. ปัจจุบัน ลบ ปีพ.ศ. เกิด) และกำลังศึกษาอยู่ ไม่ได้เรียนวิชาทหาร (รด.) ต้องมาดำเนินการยื่นเอกสารขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร หากนักศึกษาไม่มาดำเนินการยื่นเอกสารขอผ่อนผัน หรือมาดำเนินการยื่นเอกสารไม่ทันที่สถาบันกำหนด หากถูกคัดเลือกเข้ากองประจำการ จะไม่สามารถผ่อนผันเพื่อลาศึกษาต่อได้ ต้องเข้ารับราชการทหารทันที หากนักศึกษามีข้อสงสัย สอบถามได้ที่ งานนักศึกษาวิชาทหารวิทยาลัยเทคโนโลยีไทย-เอเซีย 061-7542047 (อาจารย์ พนัสพงศ์ จันทร์ผัด)
- ส่งทางไปรษณีย์ได้ที่
ว่าที่ร้อยตรี พนัสพงศ์ จันทร์ผัด (เอกสารขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร)
วิทยาลัยเทคโนโลยีไทย-เอเซีย
888/8 หมู่ 6 ตำบลแม่สาย อำเภอแม่สาย จังหวัดเชียงราย 57130
(มุมซองด้านล่างขวาเขียน “รหัสนักศึกษา”)
-
เอกสารที่ใช้ในการผ่อนผัน
1.คำร้องขอผันผันการเกณฑ์ทหาร Download คำร้องผ่อนผัน
2.สำเนา สด.9 (หน้า-หลัง) จำนวน 2 ฉบับ
3.สำเนา สด.35 (หมายเรียก) จำนวน 2 ฉบับ ติดต่อขอรับได้ที่สัสดีอำเภอ/สัสดีเขต ตามภูมิลำเนาทหาร
4.สำเนาบัตรประชาชน จำนวน 2 ฉบับ
5.สำเนาทะเบียนบ้าน จำนวน 2 ฉบับ
6.หนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียน/นักศึกษา ฉบับจริง 1 ฉบับ และสำเนาอีก 1 ฉบับ
(กรณีนักศึกษาโครงการ 3ม.ต้องดาว์นโหลดเอกสารคำร้องขอหนังสือรับรองสถานภาพการเป็นนักเรียน/นักศึกษา พร้อมแนบเอกสารที่ระบุในใบคำร้อง)
หมายเหตุ (ยื่นเอกสารขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหารได้ที่ วิทยาลัยเทคโนโลยีไทย-เอเซีย) ตั้งแต่ 1 กรกฎาคม ถึงวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 หลังจากส่งเอกสารทางไปรษณีเรียบร้องแล้ว ให้กรอก Google From และเข้ากลุ่มไลน์
-
ข้อปฏิบัติหลังยื่นเอกสารผ่อนผัน
1.ประมาณกลางเดือนมีนาคม ของทุกปี ให้ผู้ขอผ่อนผันฯตรวจสอบรายผ่อนผันที่สัสดีเขต/อำเภอ ของตน ว่ามีรายชื่อตัวเองผ่อนผันหรือไม่
1.1 ถ้ามีชื่อตัวเองผ่อนผัน ให้รอไปรายงานตัวในวันตรวจเลือก(ตามสด.35)
1.2 ถ้าไม่มีชื่อตัวเองผ่อนผัน ให้โหลดเอกสารผ่อนผันใน Line group เพื่อยื่นให้เจ้าหน้าที่ดูในวันตรวจเลือก
2.การยื่นเอกสารขอผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร ยื่นเอกสารครั้งแรกครั้งเดียวเท่านั้นหากนักศึกษายังไม่สำเร็จการศึกษาให้ปฏิบัติตามข้อ 1. (ไม่ต้องยื่นเอกสารคำร้องอีก)
3.หากเปลี่ยนสถานศึกษา/สาขา ต้องยื่นเอกสารคำร้องขอผ่อนผันเกณฑ์ทหารใหม่
4.ในวันที่นักศึกษาไปแสดงตัวในวันตรวจเลือก เมื่อดำเนินการแล้วเสร็จเจ้าหน้าที่จะออกหมายเรียก(สด.35)ปีถัดไปให้นักศึกษาเก็บไว้
5.หากนักศึกษาไม่ไปแสดงตัวในวันตรวจเลือก ถือมีความผิด ต้องระวางโทษปรับ หรือทั้งจำทั้งปรับ
6.สอบถามข้อมูลเพิ่มเติมได้ที่ งานนักศึกษาวิชาทหารวิทยาลัยเทคโนโลยีไทย-เอเซีย 061-7542047 (อาจารย์ พนัสพงศ์ จันทร์ผัด)
7. เมื่อหมดเหตุผ่อนผันใดๆ (กรณีจบหรือออก) เจ้าตัวต้องแจ้งต่อนายอำเภอ ภูมิลำเนาทหารทราบภายในกำหนด 30 วัน
การแจ้งขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน (สด.9)
คุณสมบัติ
- เป็นชายสัญชาติไทย
- มีอายุครบ 17 ปี (ในปีที่แจ้งขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน)
- บุคคลซึ่งยังไม่ได้ลงบัญชีทหารกองเกินตามระยะเวลาที่กำหนด และอายุยังไม่ถึง 46 ปี ยังคงต้องลงบัญชีทหารกองเกิน
เอกสาร หลักฐาน
- ใบสูติบัตร(ใบเกิด) หรือ บัตรประจำตัวประชาชน ของผู้แจ้งขึ้นทะเบียนทหารกองเกิน
- ทะเบียนบ้านฉบับจริงที่มีชื่อของผู้แจ้ง
- ทะเบียนบ้านฉบับจริงที่มีชื่อของ บิดา มารดา ของผู้แจ้ง
- ใบสำคัญประจำตัวคนต่างด้าว (กรณีบิดา มารดา เป็นบุคคลต่างด้าว)
- หลักฐานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง เช่น ใบสำคัญการเปลี่ยนชื่อ-นามสกุล หรือใบมรณบัตร (กรณีบิดามารดาเสียชีวิต)
ขั้นตอนการแจ้ง
- ผู้แจ้งรายงานตัวเพื่อแจ้งขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกินต่อนายอำเภอในท้องที่พร้อมเอกสารหลักฐาน
- เมื่อแจ้งขอขึ้นทะเบียนทหารกองเกินต่อนายอำเภอในท้องที่แล้ว นายอำเภอท้องที่จะทำการตรวจสอบหลักฐานเอกสาร เมื่อเห็นว่าถูกต้องจะลงบัญชีทหารกองเกินและออกใบสำคัญทหารกองเกินแบบ สด.9 ให้เป็นหลักฐาน
สถานที่ในการแจ้ง
กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย
-
- ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่บิดามีภูมิลำเนาอยู่ (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าบิดาเสียชีวิต ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่มารดามีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าทั้งบิดาและมารดาเสียชีวิต แต่มีผู้ปกครอง ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่ผู้ปกครองมีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าบิดามารดา หรือผู้ปกครอง เสียชีวิต ให้ลงบัญชีที่เขตหรืออำเภอท้องที่ที่ผู้นั้นมีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านก็ให้ลงบัญชีที่อำเภอท้องที่อยู่ในปัจจุบัน
กรณีบิดาและมารดาไม่ได้จดทะเบียนสมรสกันถูกต้องตามกฎหมาย
-
- กรณีที่บิดาจดทะเบียนรับรองบุตร ให้ลงบัญชี อำเภอที่บิดามีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าบิดา มารดามิได้จดทะเบียนสมรส และบิดามิได้จดทะเบียนรับรองบุตร ให้ลงบัญชี อำเภอที่มารดามีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้ามารดาเสียชีวิต ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่ผู้ปกครองมีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าไม่เข้ากรณีดังกล่าวเลย ให้ลงบัญชีที่เขตหรืออำเภอท้องที่ที่ตนมีภูมิลำเนา (มีชื่อตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าไม่มีชื่อในทะเบียนบ้านให้ลงบัญชีที่อำเภอท้องที่อยู่ในปัจจุบัน
กรณีบิดาและมารดาจดทะเบียนหย่าในภายหลัง
-
- ถ้าบิดายังมีชีวิตอยู่ ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่บิดามีภูมิลำเนาอยู่ (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ถ้าบิดาเสียชีวิต ให้ลงบัญชีที่อำเภอที่มารดามีภูมิลำเนา (มีชื่ออยู่ตามทะเบียนบ้าน)
- ในกรณีที่บิดา มารดาได้จดทะเบียนหย่าในภายหลัง ให้ดูหลักฐานในบันทึกการหย่าว่าบุตรอยู่ในความปกครองของใคร ก็ให้ไปขึ้นทะเบียนทหารกองเกินที่อำเภอ / เขตที่บิดาหรือมารดา มีชื่ออยู่ในทะเบียนบ้าน
บทลงโทษหากไม่แจ้ง
- หากมาขอลงบัญชีทหารกองเกินก่อนที่เจ้าหน้าที่จะทำการฟ้องร้องและจับกุม บทลงโทษจะลดลงเหลือเพียงจำคุกไม่เกิน 1 เดือน หรือปรับไม่เกิน 100 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ โดยส่งให้พนักงานสอบสวน คือ ตำรวจเป็นผู้ปรับเงิน
- หากทางอำเภอหรือเจ้าหน้าที่แจ้งความดำเนินคดี จะมีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน หรือปรับไม่เกิน 300 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ
- หากหลีกเลี่ยงหรือขัดขืนไม่เข้ารับราชการทหารในการเรียกพลเพื่อฝึกวิชาทหาร หรือทดลองความพรั่งพร้อม หรือในการระดมพล ต้องมีโทษจำคุกตั้งแต่ 3 เดือน ถึง 4 ปี